เตรียมตัวอย่างไร? เมื่ออยากเล่น เทนนิส

หากเราจะหากิจกรรมอะไรสักอย่างหนึ่งในปัจจุบันนี้ เพื่อที่จะนำเอามาใช้เป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพ หรือใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์นั้น หลาย ๆ คนคงคิดว่าจะเล่นกีฬาอะไรสักอย่างหนึ่งนั้นคงต้องเริ่มต้นที่ความสนใจ และต้องใช้เวลาศึกษาค้นหาว่าตัวเองมีความชอบในกีฬาประเภทไหน? มีความถนัดอะไรเป็นพิเศษ? หรือเทียบกับความเป็นไปได้ว่าจะให้เวลาและสามารถหากีฬาอะไรเพื่อมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันตัวเองได้อย่างลงตัวนั้น ก็คงจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการเลือกหรือตัดสินใจ หากจะพูดถึงผู้ที่ชื่นชอบกีฬาเทนนิสแล้วนั้น ถ้าลองยกตัวอย่างในมุมมองผู้หญิงคงบอกได้เลยว่าหากเอ่ยถึงกีฬาชนิดนี้ก็จะนึกถึงชุดกระโปรงสวย ๆ ไม้ตีเทนนิสเก๋ ๆ หมวก ที่คาดผม รองเท้าผ้าใบแจ่ม ๆ แล้ว ก็คงครบเซ็ทสำหรับการจะเป็นนักเทนนิสเก่ง ๆ ได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าความชอบก็สามารถพาให้เราเล่นกีฬาชนิดนี้ได้เหมือนกัน แต่ทว่าก็ต้องอาศัยทักษะและความสามารถเฉพาะที่จำเป็นต้องฝึกฝน ใช้เวลาทุมเทเพื่อให้ได้ซึ่งพื้นฐานที่ดีของการเล่นกีฬาเทนนิส เพราะกีฬาชนิดนี้ดูเผิน ๆ อาจจะมองว่าเป็นกีฬาที่ไม่ค่อยใช้กำลังมากนัก หรือเรียกได้ว่าอุปกรณ์น้อยชิ้น เลยดูไม่น่าจะลำบากในการเล่นสักเท่าไหร่ หากจะเปรียบเทียบกับกีฬาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันก็น่าจะเป็นกีฬาประเภทใช้ไม้ตี เช่น แบดมินตัน ที่ลักษณะการเล่นนั้นคงไม่ต่างกันมาก น่าจะใช้ร่วมกันในลักษณะของการวิ่ง วิ่ง วิ่ง และ ตี ตี ตี โดยอุปมาอุปไมยไป แท้ที่จริงแล้ว รู้หรือไม่ “ เทนนิส ” นั้น เรียกว่าเป็นกีฬาปราบเซียนประเภทไม้ตีเลยทีเดียว              ด้วยความชอบในการเล่นกีฬาอย่างเดียวนั้นคงไม่พอ สำหรับใครที่จะเล่นกีฬาชนิดนี้ เพราะหลายคนที่เข้าวงการแล้วก็ไม่หันกลับมาเล่นอีกเลย เพราะความที่ว่าเป็นกีฬาที่ค่อนข้างหนักแน่น ใช้พละกำลังเยอะ

เทนนิส กีฬาของชนชั้นสูงในอดีตที่หลาย ๆ คนชื่นชอบในปัจจุบัน

เทนนิสเป็นเกมที่ยังคงได้รับความนิยมในการเล่นกันมาอย่างต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน กีฬาเทนนิสนอกจากนิยมใช้เป็นเกมการแข่งขันแล้ว ก็ยังถือเป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่ใช้เพื่อการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน ในอดีตกีฬาเทนนิสถือเป็นกีฬาของชนชั้นสูงในสังคมชาวอังกฤษและฝรั่งเศษซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ในตอนเริ่มต้นนั้นยังไม่ได้ใช้อุปกรณ์ในการเล่น มีเพียงการใช้มือตีลูกบอลเท่านั้น และต่อมาในช่วงประมาณศตวรรษที่ 16 ได้เริ่มนำเอาไม้แร็กเก็ตมาใช้ตีกับลูกบอลแทนการใช้มือ และในตอนนั้นเองจึงได้เริ่มเรียกชื่อกีฬาชนิดนี้ว่า เทนนิส เทนนิส จากกีฬาเพื่อผ่อนคลายสู่สังเวียนการแข่งขัน ความผูกพันของกีฬาเทนนิสกับประเทศอังกฤษนั้นเราจะเห็นได้จาก สนามเทนนิสเก่าแก่หลายแห่งที่ยังคงมีอยู่ในประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองอ็อกฟอร์ดก็ดี ในเมืองเคมบริดจ์และในเขตปกครองพิเศษไฟฟ์ก็เป็นสถานที่ตั้งของสโมสรเทนนิสรอยัลฟอล์กแลนด์พาเลซ (Falkland Palace Royal Tennis Club) อีกทั้งในพระราชวังแฮมป์ตันคอร์ตก็มีสนามเทนนิสอยู่เช่นกัน ซึ่งสนามเทนนิสในพระราชวังแฮมป์ตันคอร์ตแห่งนี้ถือเป็นสนามเทนนิสแห่งแรกของประเทศอังกฤษเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความโปรดปรานในกีฬาเทนนิสของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 นั่นเอง จึงได้โปรดให้สร้างคอร์ตเทนนิสไว้ในพระราชวัง หรือจะเป็นสนามที่ใช้แข่งขันรายการสำคัญของวงการเทนนิสในปัจจุบันอย่างศึกเทนนิสวิมเบิลดัน การแข่งขันเทนนิสบนคอร์ตหญ้ารายการสำคัญระดับโลก สนามที่ใช้แข่งก็อยู่ในกรุงลอนดอนเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายสำหรับประเทศฝรั่งเศษที่ต้องปิดสนามเทนนิสหลายแห่งไปเนื่องจากเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติในประเทศ ต่อมาภายหลังในปี 1900 ก็ได้เริ่มมีการจัดการแข่งขันกีฬาเทนนิสแบบชิงถ้วยรางวัลเกิดขึ้น ซึ่งเริ่มต้นเป็นการแข่งขันของนักกีฬาผู้ชายเท่านั้นและในปี 1963 ถึงได้เริ่มมีจัดการแข่งขันในลักษณะเดียวกันให้กับนักกีฬาผู้หญิงเพื่อเป็นการฉลองครบ 50 ปีของการก่อตั้งสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ หรือที่รู้จักกันในนาม ITF เทนนิส แข่งขันแบบมืออาชีพกับรายได้มหาศาล ในปีคริสต์ศตวรรษที่ 1926 ได้มีการสร้างอาชีพนักเทนนิสครั้งแรกเกิดขึ้น โดยเป็นการจับคู่แข่งขันกันระหว่างทีมนักเทนนิสชาวอเมริกาและทีมนักเทนนิสชาวฝรั่งเศษ ซึ่งการแข่งขันถูกจัดในรูปแบบการจัดนิทรรศการที่มีการเรียกเก็บค่าเข้าชมจากผู้ชม ซึ่งกฎสำคัญของการเข้าร่วมแข่งขันระดับมืออาชีพรุ่นแรกนี้ คือ นักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันระดับชั้นมืออาชีพและได้ผ่านการเป็นนักกีฬามืออาชีพในการแข่งขันรายการทัวร์นาเมนต์ใหญ่แล้ว นักกีฬาชายหรือนักกีฬาหญิงผู้นั้นจะไม่สามารถกลับลงไปเข้าร่วมการแข่งขันในระดับมือสมัครเล่นได้อีก และต่อมาในปี 1968

หนังสือการ์ตูนที่จุดประกายความฝันสำหรับผู้ที่อยากเป็นนักกีฬาเทนนิส

สมัยวัยเด็กสิ่งที่หลายคนมักถูกถามอยู่เสมอคงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า “โตขึ้นแล้วอยากเป็นอะไร” ซึ่งในตอนเด็กทุกคนมักจะตอบกันในไม่กี่อาชีพที่รู้จัก โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอาชีพที่รับรู้จากการเริ่มต้นเรียนรู้ชื่ออาชีพตามโรงเรียนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น คุณครู ตำรวจ ทหาร หรือคุณหมอ ทั้งหมดมักเป็นคำตอบอันดับหนึ่งของทุกคนในสมัยเด็ก หลังจากนั้นพอเริ่มเติบโตขึ้น ทุกสิ่งแวดล้อมรอบตัวรวมถึงการเรียนรู้ได้เปลี่ยนแปลงไปตามการเติบโตของชีวิต ทำให้สิ่งที่อยากเป็นในวัยเด็กอาจจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่มากขึ้นไปจนถึงการที่ได้อยากจะทำอาชีพนั้นอย่างแท้จริง สิ่งแวดล้อมมากมายที่เข้ามาแทรกซึมสอนสั่งระหว่างการดำเนินชีวิตมีด้วยกันหลายรูปแบบ ทั้งจากการเรียนหนังสือ จากทางโทรทัศน์ รวมไปถึงจากทางหนังสือการ์ตูนอีกด้วย และสำหรับในกีฬาเทนนิสนั้นสิ่งที่จุดประกายให้ผู้คนต้องการก้าวไปเป็นนักกีฬาอาชีพนอกจากจะได้สัมผัสจากทางการเรียนรู้ และจากทางโทรทัศน์แล้ว หนังสือการ์ตูนยังเป็นอีกเส้นทางของประกายความฝัน ที่จะผลักดันให้กีฬาเทนนิสได้มีผู้สืบสานกีฬาชนิดนี้มากขึ้นต่อไปในอนาคต โดยหนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับกีฬาเทนนิสที่เป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบันนั้น เป็นหนังสือการ์ตูนที่วาดและผลิตขึ้นจากนักวาดการ์ตูนของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมดถึง 10 เรื่อง ได้แก่  Aim for the Ace!, Love ผู้ชายหัวใจสีชมพู, สู้เพื่อฝันพลังแห่งรัก, GUTs เทนนิสจิ๋วจอมลุย, Stay Gold, Happy!, Softenni, Baby Steps  และ Prince of tennis ที่ซึ่งเป็นหนังสือการ์ตูนกีฬาเทนนิสอันเป็นที่นิยมที่สุดกว่าทุกเรื่อง จนทำให้มีการผลิตภาคที่สองออกมาอย่างต่อเนื่องในชื่อว่า New prince of tennis อีกทั้งเรื่องราวในหนังสือการ์ตูนที่เขียนนั้นเป็นเรื่องราวที่มีการดำเนินเรื่องคล้ายคลึงกับเรื่องราวของนักเทนนิสชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า เค

นักกีฬาเทนนิสอาชีพที่หูไม่ได้ยินคนแรกและคนเดียวของโลก

วิธีการเล่นกีฬาเทนนิสนั้นเป็นการเล่นกีฬาที่ต้องใช้ผู้เล่นตั้งแต่สองคนขึ้นไปจนถึงสี่คนในการเล่นกีฬาชนิดนี้  โดยจะต้องใชอุปกรณ์ในการตีลูกเทนนิสที่เรียกว่า แร็กเก็ต ทำการตีโต้ตอบกันไปมาให้ลูกเทนนิสลงไปยังฝั่งแดนฝ่ายตรงข้าม และหากฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่สามารถรับลูกเทนนิส ที่ถูกตีจากฝั่งตรงข้ามโต้ตอบกลับไปได้ จะเท่ากับว่าพ่ายแพ้ในการตีโต้ตอบครั้งนั้น ซึ่งจะตีโต้ตอบกันไปจนกว่าจะแพ้ชนะตามกฎของกีฬาเทนนิส โดยทักษะที่ใช้ในการแข่งขัน หรือเล่นกีฬาเทนนิสต้องใช้ความแข็งแกร่งของร่างกาย สายตา และสมองเท่านั้น ส่วนหูที่ไว้ใช้สำหรับได้ยินเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถทำให้เพิ่มทักษะในการคาดคะเนความเร็วของเสียงสะท้อนของการตีลูกได้ แต่ถ้าหากหูที่ได้ยินใช้การไม่ได้ ก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการเล่นหรือการแข่งขันกีฬาเทนนิสหมดไป ซึ่งได้มีการพิสูจน์วิถีทางการเล่นโดยที่หูไม่ได้ยินแล้วว่าเป็นไปได้ จากนักเทนนิสสุดพิเศษ ลี ดัค ฮี นักเทนนิสอาชีพชาวเกาหลีใต้ผู้ซึ่งหูไม่ได้ยินมาโดยกำเนิดคนแรก และคนเดียวของโลกใบนี้ ลี ดัค ฮี นักเทนนิสชายจากดินแดนโสมขาว ประเทศเกาหลีใต้ เป็นนักเทนนิสที่มีความพิการทางหูมาตั้งแต่กำเนิด โดยได้เริ่มฝึกทักษะเทนนิสตั้งแต่อายุ 17 ปี จากบิดาผู้กลายมาเป็นโค้ชส่วนตัว ซึ่งครอบครัวของ ลี ดัค ฮี ได้ฝึกสอนให้ฝึกการพูดภาษาเกาหลีโดนอ่านจากริมฝีปากแบบไม่ใช้ภาษามือในการพูดคุย ทำให้การฝึกกีฬาเทนนิสของ ลี ดัค ฮี เป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็น สำหรับในการฝึกซ้อมต่อมาในอนาคตหลังจากที่ได้ฝึกกับบิดาจนสำเร็จนั้น โค้ชเกาหลีที่เป็นผู้ฝึกสอนได้ใช้วิธีการเขียนบนกระดาษ และการพิมพ์บนโทรศัพท์มือถือในการฝึกซ้อมเพิ่มเติม แต่ปัญหาในการเล่นและแข่งขันกีฬาเทนนิสที่ต้องเผชิญในทุกครั้งนั้น คือการไม่สามารถสื่อสารกับผู้ตัดสินและผู้กำกับเส้นได้ในตลอดทั้งเกมส์ เพราะไม่สามารถอ่านริมฝีปากของผู้ตัดสินพร้อมกับการใช้สมาธิแข่งกีฬาไปพร้อมกันได้ จึงทำให้จังหวะในการเล่นที่ต่อเนื่องต้องขาดตอนและเสียท่าฝ่ายตรงข้ามในเกือบทุกครั้งของการแข่งขัน ในอดีตมีคนเคยพูดกับ ลี ดัค ฮี ว่าไม่สามารถที่จะกลายเป็นนักกีฬาเทนนิสที่เก่งได้เพราะหูหนวก ทำให้เกิดความท้อแท้ขึ้นอย่างมากในจิตใจ

ATP การแข่งขันเทนนิสที่มีความเร็วลูกสูงที่สุดในโลก

กีฬาเทนนิสได้ถูกคิดขึ้นในปี 1877 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยเป็นการแข่งขันกีฬาเก่าแก่ที่เรียกว่า วิมเบิลดัน ของสังคมชั้นสูงในสมัยนั้น และได้กลายมาเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา อีกทั้งเมื่อการเล่นเทนนิสกลายเป็นที่นิยมจนกระจายวิธีการเล่นไปสู่ทุกชนชั้นแล้ว จึงได้มีการจัดการแข่งขันแบบทัวร์นาเมนต์ครั้งแรกขึ้นมาในปี 1926 ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งในการจัดการแข่งขันครั้งนั้นเองได้ส่งผลทำให้การแข่งกีฬาเทนนิสพลิกพันตัวเองก้าวขึ้นไปสู่ความนิยมในกีฬาระดับนานาชาติ พร้อมทั้งได้พัฒนาให้กลายมาเป็นกีฬาระดับอาชีพ รวมถึงยังได้ถูกบรรจุในกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรก ในปี 1988 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย ATP หรือ Association of Tennis Professionals คือ สมาคมเทนนิสอาชีพที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 สำหรับการจัดการแข่งขันเทนนิสชายรายการใหญ่ในเวทียุโรปและอเมริกาเหนือ ในสนามที่มีความแตกต่างกัน 3 แบบ ซึ่งมีความแตกต่างกันกับการแข่งขัน 4 รายการใหญ่ของโลก หรือแกรนด์แสลมในจำนวนของนักเทนนิสที่มีการเข้าร่วมแข่งขันน้อยกว่า พร้อมทั้งจะไม่มีการแข่งขันบนพื้นหญ้า แต่จะมีการจัดการแข่งขันบนพื้นผิวพรมสังเคราะห์ ที่ทำให้การวิ่งของลูกเทนนิสมีอัตราความเร็วในการวิ่งของลูกสูงมากกว่าการแข่งขันในทุกรายการอื่น ๆ นอกจากนี้ในการแข่งขันรายการระดับเอทีพีจะมีคะแนนสะสมสูงกว่ารายการการแข่งขันทั่วไป แต่จะต่ำกว่า 4 รายการใหญ่ของแกรนด์แสลมและรายการแข่งขันมาสเตอร์คัพที่เป็นรายการท้ายสุดของทุกปี ปัจจุบันรายการแข่งขันของ ATP ประกอบไปด้วยการแข่งขันใน  5 ประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, เสปน, อิตาลี และเยอรมัน โดยมีการแข่งขันกันตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน

แกรนด์ แสลม สุดยอดรายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกีฬาเทนนิส

รายการที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความท้าทายที่ใหญ่ยิ่งของนักกีฬาทุกคน พร้อมทั้งยังเป็นสิ่งที่ซึ่งนักกีฬาทุกคนจะต้องไปให้ถึง หากอยากจะเป็นสุดยอดหรือที่หนึ่งในเชิงกีฬานั้น ๆ โดยในกีฬาเทนนิสมีรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทุกคนต้องไปให้ถึงคือ แกรนด์ แสลม ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนกีฬาเทนนิสให้พัฒนาและเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องแบบไม่มีวันที่สิ้นสุด แกรนด์ แสลม คือการแข่งขันกีฬาเทนนิสรายการใหญ่ 4 รายการ โดยจะทำการแข่งขันกันใน 4 ประเทศที่มีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อังกฤษ และประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งยังมีพื้นสนามในการแข่งขันแตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งในประเทศออสเตรเลียจะเป็นสถานที่แทนการแข่งขันในเขตฤดูร้อน ที่มีสนามการแข่งขันเป็นแบบพื้นปูน ส่วนในประเทศอังกฤษจะเป็นสถานที่แทนการแข่งขันในเขตของฤดูฝน ที่มีสนามการแข่งขันแบบพื้นหญ้า รวมถึงในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เป็นสถานที่แทนการแข่งขันในเขตฤดูหนาวที่มีสนามการแข่งขันแบบพื้นปูน และในประเทศฝรั่งเศสที่ได้เป็นตัวแทนการแข่งขันในเขตฤดูใบไม้ผลิ ที่มีสนามการแข่งขันแบบพื้นผิวดิน ทำให้รายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ของเทนนิสมีการแข่งขันอยู่ในทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี ในปี 1993 จอห์น คีราน นักเขียนของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ได้ใช้คำว่า แกรนด์ แสลม เป็นครั้งแรกในวงการเทนนิส จนกลายมาเป็นที่นิยมและสืบสานเรียกกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยรายการที่เรียกว่า แกรนด์ แสลม ประกอบไปด้วย 4 รายการ คือ รายการออสเตรเลียโอเพน เฟรนช์โอเพ่น วิมเบิลดัน และยูเอสโอเพน ในทั้งสี่รายการจะใช้ระยะเวลาการแข่งขันทั้งหมด 14 วันในการแข่งขันแบบประเภทเดี่ยว ซึ่งการแข่งขันรายการ

การจัดอันดับโลกนักเทนนิสเปรียบเสมือนแสงแห่งความหวังของนักกีฬาเทนนิสทุกคน

การแข่งขันกีฬาเทนนิสเป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับทุกเพศทุกวัยในการรับชมและเฝ้าติดตาม อีกทั้งยังเป็นกีฬาที่ทุกคนยังนำไปฝึกเล่นกันอย่างกว้างขวางด้วยความสนุกสนาน จนกลายเป็นกีฬาที่สามารถเห็นได้ทั่วไปตามสถานที่ออกกำลังกายที่มีคอร์ทสนามเทนนิสตั้งอยู่ และนอกจากนี้กีฬาเทนนิสยังเป็นกีฬาที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กที่เฝ้าติดตามรับชมอยู่ทั่วทุกมุมโลก อยากก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาเทนนิสอาชีพให้ได้ในสักวันหนึ่ง สำหรับในกีฬาเทนนิสนั้น มียอดฝีมือผู้มีทักษะชำนาญการมากมายในระดับมืออาชีพอยู่ในหลายประเทศ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคัดสรรความเก่งกาจเป็นลำดับชั้นให้สามารถแยกแยะความสามารถในระดับมืออาชีพ ว่าใครอยู่ในระดับใหนของอาชีพกีฬาเทนนิส เพราะว่าลำดับขั้นที่ได้จัดเป็นอันดับนั้น จะทำให้กีฬาเทนนิสมีการพัฒนามากขึ้นต่อไปในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อีกทั้งยังเป็นความหวังของนักเทนนิสอาชีพหน้าใหม่ หรือนักเทนนิสมือสมัครเล่นให้ได้มีโอกาสพัฒนาฝีมือของตัวเองให้ก้าวไปในลำดับขั้นต่าง ๆ จนก้าวข้ามไปสู่ยังจุดสูงสุดของคำว่านักกีฬาเทนนิสมืออาชีพให้ได้ สำหรับนักเทนนิสชาย 10 อันดับแรกของโลกที่ถูกจัดตั้งในปี 2018 นี้ได้แก่ อันดับที่ 1 ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสชายจากประเทศสเปน อันดับที่ 2 โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ นักเทนนิสชายจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และอันดับที่ 3 มาริน ซิลิซ จากประเทศโครเอเชีย ทั้ง 3 คนเป็นนักเทนนิสมืออาชีพที่มีทั้งฝีมือและชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความเก่งกาจในกีฬาเทนนิส ส่วนอันดับที่ 4 ได้แก่  อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ นักเทนนิสจากประเทศเยอรมนี อันดับที่ 5 กริกอร์ ดิมิตรอฟ จากบัลแกเรีย อันดับที่ 6 ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร