วิมเบิลดันการแข่งขันเทนนิสที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

อารยธรรมที่มีมาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคนและสามารถสืบสานมาจนถึงปัจจุบันได้นั้น มักเต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังของความเร้าละมุนภายในจิตใจ พร้อมทั้งยังแฝงไปด้วยขนบประเพณี วัฒนธรรมของเรื่องราวถิ่นกำเนิดที่ได้เล่าขานต่อกันมาผ่านอารยธรรมเหล่านั้น ซึ่งเหมือนกับการแข่งขันกีฬาเทนนิสรายการวิมเบิลดัน ที่เป็นรายการเทนนิสที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและยังเป็นรายการที่เต็มไปด้วยกฎอารยะเก่าแก่ที่ยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน วิมเบิลดัน คือชื่อของเมืองหนึ่งในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ที่เป็นสถานที่ตั้งของสนามแข่งขันเทนนิสแกรนด์แสลมที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งชื่อของรายการการแข่งขันนั้นได้ถูกตั้งชื่อให้เหมือนกับเมืองที่ได้จัดตั้งนั้นว่าวิมเบิลดัน โดยได้จัดการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1877 และเป็นการแข่งขันเทนนิสครั้งแรกของโลกอีกด้วย ซึ่งการแข่งขันวิมเบิลดันจะจัดการแข่งขึ้นในแกรนด์แสลมที่สามถัดจากออสเตรเลียโอเพนและเฟรนซ์โอเพน ในช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงกรกฎาคมของทุกปี สำหรับสนามในการแข่งขันวิมเบิลดันนั้นจะใช้สนามแบบพื้นหญ้าในการแข่งขัน และเป็นรายการเดียวเท่านั้นในปัจจุบันที่ใช้สนามแบบพื้นหญ้าในการแข่งขัน เนื่องจากต้องการรักษาประเพณีการเล่นบนผืนหญ้าเอาไว้เหมือนกับในการเริ่มต้นการแข่งขันเทนนิสครั้งแรกที่สนาม ออล อิงแลนด์ คลับ ที่ซึ่งยังเป็นที่ตั้งของสมาคมเทนนิสของสหราชอาณาจักรอีกด้วย นอกจากนี้การแข่งขันวิมเบิลดันยังได้รักษาอารยะของประเพณีการแข่งขันจากในอดีตมาจนถึงปัจจุบันหลายอย่าง อาทิเช่น นักกีฬาต้องสวมชุดเทนนิสสีขาวในการแข่งขันเท่านั้น, บนบอร์ดการแข่งขันจะต้องใช้คำว่า Gentlemen และ Lady, การเรียกชื่อของนักกีฬาจะต้องใช้คำว่า Mr. และ Mrs. หรือ Miss,ในสนามจะไม่มีป้ายโฆษณาใด ๆ เลยยกเว้นนาฬิกาบอกเวลาการแข่งขันยี่ห้อ Rolex เท่านั้น และของหวานสตอร์เบอรี่ราดครีมประจำรายการแข่งขันที่เป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขัน เป็นต้น และอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของวิมเบิลดันก็คือ เซนเต็อร์คอร์ท ขนาดใหญ่ที่ถูกทาด้วยสีเขียวทั้งหลัง ซึ่งใช้เป็นสนามหลักในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยว รายละเอียดจากอดีตส่งผ่านกาลเวลาก่อให้เกิดคำว่าตำนาน และรายการแข่งขันวิมเบิลดันนั้นเป็นรายการแข่งขันในตำนานที่มีเรื่องราวอยู่จริง โดยนักเทนนิสชายคนแรกที่ได้แชมป์ในรายการนี้คือ ร็อด เลเวอร์ จากประเทศออสเตรเลีย และนักเทนนิสหญิงที่ได้แชมป์คนแรกรายการนี้คือ บิลลี่ จีน คิง

ภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกีฬาเทนนิส ที่ควรค่าแก่การรับชม

ความน่าหลงใหลของกีฬาเทนนิสมีด้วยกันหลากหลายมิติมาอย่างช้านาน จึงทำให้ระดับกีฬาเทนนิสมีความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยังรักษาความยาวนานอันเก่าแก่มาได้จวบจนปัจจุบัน อีกทั้งยังได้สร้างแรงบันดาลใจและความฝันให้เด็กรุ่นใหม่ทั่วโลก ได้มีหนทางและบันไดที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักกีฬาอาชีพ ที่จะสานต่อกีฬานี้ให้พัฒนามากขึ้นไปในอนาคต ซึ่งกีฬาเทนนิสนอกจากจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับความใฝ่ฝันของเด็กรุ่นใหม่ในอนาคตแล้ว ยังได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับแวดวงภาพยนต์อีกด้วย ภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกีฬาเทนนิสที่ได้สร้างและออกฉายสู่สายตาทั่วโลกแล้ว มีด้วยกันทั้งหมด 2 เรื่องคือ แมทช์พอยท์ และ วิมเบิลดัน โดยทั้งสองเรื่องมีการนำเสนอเกี่ยวกับกีฬาเทนนิสออกมาในคนละแนวทาง ซึ่งเรื่องของแมทช์พอยท์นั้นเป็นภาพยนต์ที่นำเสนอเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการเล่นเทนนิส กับเรื่องราวของชีวิตที่ต้องตัดสินใจลงไปให้ดีที่สุด ราวกับการตัดสินใจหวดลูกเพื่อชัยชนะในครั้งสุดท้าย ส่วนในภาพยนตร์เรื่องวิมเบิลดันนั้น เป็นการนำเสนอเรื่องราวของนักกีฬาเทนนิสในระหว่างการแข่งขัน เพื่อไปให้ถึงจุดสุดท้ายของสุดยอดแกรนด์แสลมที่เรียกว่าวิมเบิลดัน ทั้งสองเรื่องราวภาพยนตร์มีการดำเนินเรื่องที่แตกต่างกัน แต่ในทั้งสองเรื่องนั้นก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกีฬาเทนนิสด้วยกันทั้งสองเรื่อง โดยภาพยนตร์เรื่องแมทช์พอยท์ ที่กำกับจากฝีมือของวู๊ดดี้ อัลเลน ยอดผู้กำกับชื่อดังของอุตสาหกรรมภาพยนต์ ได้นำสิ่งที่ได้สัมผัสจากการแข่งขันกีฬาเทนนิสมาถ่ายทอดเรื่องราวให้ผนวกกับการใช้ชีวิตได้อย่างเข้มข้นและละเอียดอ่อน ส่วนในภาพยนตร์เรื่อ วิมเบิลดันนั้น เป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดย ริชาร์ด ลอนเครน ผู้กำกับรางวัลเอ็มมี อวอร์ดส ผู้ซึ่งได้ใช้กลิ่นอายของการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดันมาละลายแรงบันดาลใจผ่านทางแผ่นฟิล์มให้หัวใจของผู้รับชมตื่นเต้นไปกับเรื่องราวส่วนลึกของนักเทนนิส ที่ต้องลงแข่งขันในรายการนี้ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ทั้งคนที่ชื่นชอบเทนนิสและไม่ได้ชื่นชอบในกีฬาเทนนิส ได้ให้มาสนใจการแข่งขันกีฬาชนิดนี้มากขึ้น กีฬาที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสรรสร้างในทิศทางที่แตกต่างออกไป มักเป็นกีฬาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความสวยงาม ซึ่งกีฬาเทนนิสเป็นอีกชนิดกีฬาที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเหล่านั้น จึงทำให้กีฬาเทนนิสกลายเป็นสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจอีกหนึ่งกีฬา ที่อยู่ในความฝันของคนทั่วโลกที่ฝันอยากจะเป็น และในปีนี้ยังมีภาพยนต์เกี่ยวกับเทนนิสอีกหนึ่งเรื่องที่กำลังจะฉายในเดือนพฤศจิกายน 2018 โดยมีชื่อเรื่องว่า Borg vs McEnroe เป็นเรื่องที่สามที่ใช้กีฬาเทนนิสในการถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬาเทนนิส ในศึกวิมเบิลดัลปี 1980 อันเป็นศึกที่ถูกยกย่องให้เป็นเกมส์การแข่งขันรอบสุดท้ายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์วิมเบิลดัน

การจัดอันดับโลกนักเทนนิสเปรียบเสมือนแสงแห่งความหวังของนักกีฬาเทนนิสทุกคน

การแข่งขันกีฬาเทนนิสเป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับทุกเพศทุกวัยในการรับชมและเฝ้าติดตาม อีกทั้งยังเป็นกีฬาที่ทุกคนยังนำไปฝึกเล่นกันอย่างกว้างขวางด้วยความสนุกสนาน จนกลายเป็นกีฬาที่สามารถเห็นได้ทั่วไปตามสถานที่ออกกำลังกายที่มีคอร์ทสนามเทนนิสตั้งอยู่ และนอกจากนี้กีฬาเทนนิสยังเป็นกีฬาที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กที่เฝ้าติดตามรับชมอยู่ทั่วทุกมุมโลก อยากก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาเทนนิสอาชีพให้ได้ในสักวันหนึ่ง สำหรับในกีฬาเทนนิสนั้น มียอดฝีมือผู้มีทักษะชำนาญการมากมายในระดับมืออาชีพอยู่ในหลายประเทศ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคัดสรรความเก่งกาจเป็นลำดับชั้นให้สามารถแยกแยะความสามารถในระดับมืออาชีพ ว่าใครอยู่ในระดับใหนของอาชีพกีฬาเทนนิส เพราะว่าลำดับขั้นที่ได้จัดเป็นอันดับนั้น จะทำให้กีฬาเทนนิสมีการพัฒนามากขึ้นต่อไปในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อีกทั้งยังเป็นความหวังของนักเทนนิสอาชีพหน้าใหม่ หรือนักเทนนิสมือสมัครเล่นให้ได้มีโอกาสพัฒนาฝีมือของตัวเองให้ก้าวไปในลำดับขั้นต่าง ๆ จนก้าวข้ามไปสู่ยังจุดสูงสุดของคำว่านักกีฬาเทนนิสมืออาชีพให้ได้ สำหรับนักเทนนิสชาย 10 อันดับแรกของโลกที่ถูกจัดตั้งในปี 2018 นี้ได้แก่ อันดับที่ 1 ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสชายจากประเทศสเปน อันดับที่ 2 โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ นักเทนนิสชายจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และอันดับที่ 3 มาริน ซิลิซ จากประเทศโครเอเชีย ทั้ง 3 คนเป็นนักเทนนิสมืออาชีพที่มีทั้งฝีมือและชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความเก่งกาจในกีฬาเทนนิส ส่วนอันดับที่ 4 ได้แก่  อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ นักเทนนิสจากประเทศเยอรมนี อันดับที่ 5 กริกอร์ ดิมิตรอฟ จากบัลแกเรีย อันดับที่ 6 ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร