ความหลากหลายของกีฬาเทนนิส

ใครจะรู้บ้างว่าจริง ๆ แล้วกีฬาเทนนิสที่เห็นกันในปัจจุบันไม่ได้มีแค่แบบที่เล่นกันอยู่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีรูปแบบที่น่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป ด้วยลักษณะการเล่น แต่ยังคงความเป็นกติกา อุปกรณ์ เครื่องแต่งกาย ในรูปแบบของกีฬาเทนนิสคล้ายเดิม ซึ่งหลายท่านคงรู้จักกันดีอยู่แล้วเกี่ยวกับอุปกรณ์ กติกา เครื่องแต่งกาย แต่บางท่านอาจจะยังไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้วยังมีชนิดและรูปแบบการเล่นเทนนิสที่ต่างออกไป และชวนให้เพิ่มความสนุกตื่นเต้นน่าสนใจและน่าลองในการเล่นกีฬาชนิดนี้เพิ่มขึ้น ความหลากหลายของเทนนิสที่ต่างออกไป ความสนุกของการดูกีฬาประเภทนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะต้องมีเรื่องของการออกเสียงขณะตีลูกของนักกีฬาที่ช่วยสร้างความตื่นเต้น เร้าใจในขณะแข่งขัน หรือเสียงของการหวดลูกเทนนิสโต้กันไปมา ก็สร้างความสนุกให้ไม่น้อย หรือแม้แต่เครื่องแต่งกายที่นักกีฬาสวมใส่ก็ทำให้ดูเพลินตลอดการแข่งขัน แต่ถ้าหากอยากเห็นความแตกต่างในรูปแบบอื่น ๆ ที่ดูน่าสนใจสำหรับกีฬาชนิดนี้ก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้างแต่อาจจะไม่เป็นที่รู้จัก หรือนิยมมากนักในประเทศไทย เช่น ปาเดลเทนนิส สำหรับปาเดลเทนนิส เป็นกีฬาที่มาจากประเทศสเปน เป็นกีฬาที่รวมเอา เทนนิส สควอซ แบดมินตัน เข้าด้วยกัน รูปแบบการตี กติกา สนาม เครื่องแต่งกาย มีลักษณะคล้ายคลึงกันที่ดูแตกต่างหน่อยจะเป็นที่อุปกรณ์การตี คือ ไม้ที่ใช้หน้าตาจะแตกต่างกันไปแต่ไม่มากหนัก รวมถึงน้ำหนักของลูกปาเดลเทนนิสจะเบากว่าน้ำหนักลูกเทนนิสเล็กน้อย ในบ้านเรายังไม่นิยมมากนักแต่ก็มีเล่นกันอยู่บ้าง ประกอบกับสนามที่ให้เล่นยังมีน้อยอยู่จึงอาจจะไม่ค่อยได้เห็น อีกรูปแบบหนึ่งที่น่าจะสร้างความสนุกและเป็นสีสันให้กับการเล่นเทนนิสได้ คือ การเล่นเทนนิสในที่มืด ในสนามที่มืด แต่ผู้เล่นใช้อุปกรณ์การตี และเครื่องแต่งกายที่เรืองแสงหรือที่เรียกว่า Tennis in

ยิงธนู กีฬาแห่งความสงบนิ่ง

การยิงธนูมีขั้นตอนที่ละเอียด ซับซ้อน และลึกซึ้งมาก ถ้ามองผ่าน ๆ แค่ภายนอกอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แค่เพียงยกคันธนู เล็ง และยิงไปยังเป้า ก็น่าจะได้แล้ว แต่ในความเป็นจริง การยิงธนู ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนคิด การยิงธนูต้องอาศัยทักษะความแม่นยำและสม่ำเสมอ การเล็ง มีสมาธิ ควบคุมร่างกายให้นิ่ง การเกร็งกล้ามเนื้อช่วงบนในขณะที่ยกคันธนูและง้างคันธนูเตรียมยิง ซึ่งน้ำหนักของคันธนูก็มีน้ำหนักไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว กีฬาเดียวที่ต้องหยุดหายใจขณะแข่ง กีฬายิงธนู ถึงแม้จะยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่กีฬาชนิดนี้ ถูกจัดให้เข้าไปอยู่ในการแข่งขันระดับโลกหลายประเภทเลยทีเดียว ทั้งกีฬาซีเกมส์ กีฬาโอลิมปิก กีฬายิงธนูก็ถูกบรรจุอยู่ในนั้นด้วย แต่ทำไมถึงยังไม่เป็นที่นิยมส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ สนามที่ใช้ฝึกซ้อมยังมีน้อย อุปกรณ์กีฬาก็อาจจะยากในการสั่งซื้อ รวมถึงมีราคาสูง โค้ชหรือครูผู้ฝึกสอนอาจจะยังมีน้อย ประสบการณ์ในการเข้าร่วมแข่งขัน หรือสนามที่ต้องเข้าไปร่วมแข่งขันจะต้องมีงบประมาณในการเดินทางไปแข่งสูงจึงอาจเป็นเหตุผลให้กีฬายิงธนูยังไม่เป็นที่นิยมนัก สำหรับประวัติของกีฬาประเภทนี้ไม่มีบันทึกแน่ชัดว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด แต่สันนิษฐานว่าในช่วงยุคเริ่มแรกมีการทำธนูเพื่อล่าสัตว์ และการยิงธนูนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเริ่มต้นประดิษฐ์ธนู เมื่อมีเวลาว่างจากการทำศึกสงครามแล้วเหล่าพลทหารก็จะทำการแข่งยิงเป้าธนูเพื่อประลองความแม่นยำกัน แต่ไม่ได้ถือเป็นกีฬา เป็นแค่เกมส์ที่แข่งกันสนุก ๆ ในหมู่ทหารเท่านั้น กีฬายิงธนูนั้นได้ถูกบรรจุเข้าในกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 1972 เมื่อมีการบรรจุเข้าแข่งขันทำให้กีฬายิงธนูถูกมองอย่างน่าสนใจเพิ่มขึ้นมีนักกีฬาที่สนใจกีฬาประเภทเพิ่มจำนวนมากขึ้น มีการหัดและฝึกซ้อมกับเยาวชนที่สนใจฝึกความแม่นยำและฝึกสมาธิมากขึ้นเพราะขณะที่เราเล็งเพื่อยิง ต้องหยุดหายใจกันเลยทีเดียวเพื่อความนิ่งที่สุดในการปล่อยคันธนูเพื่อให้ศรเข้าเป้า ในประเทศไทยเราก็มีนักกีฬายิงธนูที่สร้างชื่อเสียงไม่น้อย ที่ผ่านมามีรางวัลสำคัญ ๆ ที่เราเคยได้รับ เช่น เหรียญทองทีมคันธนูโค้งกลับชาย ซีเกมส์ปี 2009

7 ข้อปฏิบัติเพื่อเริ่มต้นสู่การเป็นนักเทนนิสอาชีพในอนาคต

เทนนิสเป็นกีฬาอีกประเภทที่มีคนสนใจยึดเป็นอาชีพ อุตสาหกรรมกีฬาเทนนิสนั้นถือเป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระดับต้นๆ และผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จก็สามารถได้รับทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทองและโอกาสดีๆ มากมาย ว่ากันว่าช่วงอายุในการเริ่มต้นเล่นเทนนิสที่ดีที่สุดคือ 8 ถึง 12 ปี เพราะเป็นช่วงอายุที่สามารถหลงใหลไปกับการเล่นกีฬาชนิดนี้ได้แล้ว และสามารถจะอดทนหรือให้ใจกับการฝึกฝนได้เป็นเวลานานๆ ซึ่งหากได้รับการดูแลหรือฝึกสอนโดยโค้ชที่เป็นมืออาชีพ เด็กๆ จะสามารถตั้งต้นการเล่นเทนนิสได้อย่างถูกต้องและพร้อมที่จะก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับจูเนียร์ได้ มีข้อแนะนำจำนวน 7 ข้อ สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกหลานเล่นเทนนิสเพื่อต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตดังนี้ 1. ตั้งใจทำตามบทเรียนที่โค้ชสอน                 ทำให้แน่ใจว่าเด็กๆ ได้รับการสอนโดยสโมสรเทนนิสที่มีประสบการณ์ ไม่จำเป็นต้องแพงแต่ต้องเป็นโรงเรียนที่มีผู้เชี่ยวชาญหรือมีโค้ชมืออาชีพจริงๆ เพราะโค้ชตัวจริงจะสามารถสอนเรื่องพื้นฐานและชี้แนะแนวทางในการพัฒนาได้ 2. ดูการแข่งขันของมืออาชีพ                 การติดตามดูมืออาชีพแข่งขันถือเป็นการสั่งสมประสบการณ์ที่ดี เพราะจะช่วยให้มีโอกาสเห็นวิธีการเล่นในเกมระดับแข่งขันจริงๆ 3. เรียนรู้เทคนิคที่ถูกต้อง                 เทคนิคในการเล่นเทนนิสอย่างถูกต้องนั้นช่วยให้สามารถเล่นเทนนิสได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยในเรื่องของการป้องกันปัญหาบาดเจ็บได้ด้วย 4. เล่นฟิตเนสและดูแลสุขภาพ                 การออกกำลังกายหรือเล่นฟิตเนสสำคัญต่อทุกชนิดกีฬา ยิ่งเทนนิสเป็นกีฬาที่ต้องการทั้งความแข็งแรงและความยืดหยุ่น การเข้าฟิตเนสเพื่อคุมระดับความแข็งแรงของร่างกายและการทานอาหารที่ถูกต้องจะช่วยให้มีร่างกายที่พร้อมสำหรับการเล่นหรือการแข่งขัน 5. หาไอดอลไว้เป็นแรงบันดาลใจ                 อันที่จริงทุกคนต่างมีไอดอลทั้งนั้น แต่ไอดอลในการเล่นเทนนิสถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้นักเทนนิสรุ่นเยาว์มีแรงจูงในการพัฒนาฝีมือได้ 6. พัฒนาการเล่นอย่างชาญฉลาด                 กีฬาเทนนิสเป็นเกมที่ต้องใช้สมองควบคู่ไปกับความแข็งแรงของร่างกาย การหาแนวทางหรือฝึกฝนวิธีการเล่นให้หลากหลายจนสร้างรูปแบบที่ชัดเจนของตัวเองได้ จะช่วยให้เอาชนะคู่แข่งได้มากขึ้น รวมถึงคาดเดาการเล่นของคู่แข่งได้ดีขึ้น

เทศกาลเคลย์คอร์ท สองเดือนแห่งการชิงจ้าวสนามดิน

สนามเทนนิสถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะส่งผลให้นักเทนนิสสร้างผลงานที่ดีหรือไม่ดีได้ ปัจจุบันการแข่งขันของวงการเทนนิสโลกถือว่าได้จัดวางลำดับการแข่งขันให้สอดคล้องกับรายการใหญ่ของทั้งฝ่ายชายและหญิง รอบการแข่งขันของ ATP และ WTA ในแต่ละปีจะเริ่มต้นด้วยการไปชิงแชมป์แกรนด์ สแลมแรกที่ออสเตรเลี่ยน โอเพ่นในเดือนมกราคม ก่อนที่จะมีรายการแข่งขันบนฮาร์ดคอร์ทต่อเนื่องมาถึงเดือนมีนาคมและจบลงด้วยรายการระดับรองจากแกรนด์ สแลมคือ ATP Masters และ WTA Premiers ฝ่ายละสองรายการคืออินเดียน เวลล์สและไมอามี่ โอเพ่น ที่ฟลอริด้า ทันทีที่รายการที่ฟลอริดาจบ การแข่งขันจะเริ่มเข้าสู่เดือนเมษายนกับการต่อสู้บนสนามดินสีแดงซึ่งเรียกว่าเคลย์คอร์ทหรือคอร์ทดินนั่นเอง แม้จะเรียกว่าคอร์ทดิน แต่ทุกวันนี้พื้นสนามของเคลย์คอร์ทจะเป็นอิฐบดละเอียดหรือหินกรวดบดละเอียด โดยจะต้องมีคุณสมบัติไม่อมน้ำหรือซับน้ำ และเป็นสนามที่มีการกระดอนแตกต่างจากสนามชนิดอื่นมากที่สุดเพราะนอกจากกระดอนช้าแล้วยังกระดอนสูง เมื่อเป็นแบบนี้การแข่งขันรายการใหญ่สุดของคอร์ทดินที่โรล็องต์ การ์รอสหรือศึกเฟร้นช์ โอเพ่นจึงเป็นเวทีที่เหมาะสมในการหาเจ้าแห่งสนามดิน ก่อนจะไปถึงโรล็องต์ การ์รอสในปลายเดือนพฤษภาคม จะมีรายการแข่งขันบนคอร์ทดินต่อเนื่องไปทุกสัปดาห์จนกว่าจะถึงแกรนด์ สแลม ซึ่งระหว่างทางก็มีรายการเก็บคะแนนสำคัญบนคอร์ทดิน ทั้งที่มาดริดและโรมต่อคิวให้ทุกคนพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถแสดงฝีมือได้ดีแค่ไหน เมื่อต้องเล่นบนสนามที่ลูกวิ่งช้า และต้องอาศัยทักษะสไลด์เท้าเพื่อเล่นลูกเพราะไม่สามารถหยุดได้แบบมั่นคงเหมือนสนามหญ้าหรือปูน ที่ผ่านมาคอร์ทดินถือเป็นของชอบสำหรับนักเทนนิสบางคนและเป็นของสแลงสำหรับคนอื่นๆ ราฟาเอล นาดาลกับชูสติน เอแน็งต์ที่ต่างคว้าแกรนด์ สแลมที่โรล็องต์ การ์รอสมาได้หลายสมัยถูกยกขึ้นมาเป็นแถวหน้าของพวกชอบคอร์ทดิน โดยเฉพาะนาดาลที่เป็นเจ้าของสถิติชนะต่อเนื่องบนคอร์ทดิน 81 เกม และครองแชมป์เฟร้นช์ โอเพ่นไป 11 ครั้ง เขาคือเทพเจ้าแห่งสนามดินโดยแท้ หลายครั้งที่คะแนนสะสมของนักเทนนิสที่ถนัดเคลย์คอร์ทพุ่งพรวดขึ้นมา นั้นเพราะพวกเขาสามารถการันตีแต้มสะสมที่จะได้จากการลงเล่นในสนามที่ตัวเองถนัดเป็นพิเศษ ผิดกับสนามอื่นที่สู้กันค่อนข้างสูสีกว่า และเพื่อลดช่องว่างตรงนั้นนักเทนนิสที่ไม่ถนัดก็ต้องพยายามเล่นบนคอร์ทดินให้ดีขึ้นและแน่นอนขึ้น

เมื่ออินเดียน เวลล์ 2019 คือเวทีแจ้งเกิดของดาวรุ่งรุ่นต่อไป

รายการแข่งขันเทนนิสมาสเตอร์ที่แคลิฟอร์เนียปีนี้ คือเครื่องพิสูจน์ว่าอะไรก็เป็นไปได้ เพราะสองแชมป์ทั้งชายและหญิงต่างสร้างปรากฏการณ์พลิกล็อคในนัดชิงชนะเลิศด้วยกันทั้งคู่ ศึกอินเดียน เวลล์ส มาสเตอร์ในรายการ BPN Paribas Open กลางเดือนมีนาคมกลายเป็นที่ฮือฮา เมื่อนัดชิงชนะเลิศฝ่ายชายจบลงด้วยการที่เจ้าของแชมป์แกรนด์ สแลม 20 รายการอย่างโรเจอร์ เฟเดอร์เรอร์พ่ายไป 1-2  เซตรวดให้นักเทนนิสออสเตรียวัย 25 โดมินิค เตียม ซึ่งยังไม่เคยชนะรายการมาสเตอร์ 1000 มาก่อนได้นับหนึ่งเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เตียมแทบจะหาฟอร์มการเล่นที่ดีไม่ได้เลยในหลายทัวร์นาเมนต์ การเตรียมตัวและลงเล่นที่แคลิฟอร์เนียตลอด 10 วันจึงเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แม้กระทั่งหลังจากได้ชัยชนะเหนือเฟเดอร์เรอร์และคว้าแชมป์ได้ เขาก็ยังคงพูดว่าทั้งหมดนี่เหมือนไม่ใช่เรื่องจริงอยู่ดี หากการเอาชนะเฟเดอร์เรอร์และคว้าแชมป์มาสเตอร์รายการแรกตั้งแต่เทิร์นโปรสู่มืออาชีพของเตียมดูไม่ใช่เรื่องจริง การคว้าแชมป์ของเบียงก้า อันเดรสคูก็น่าจะเป็นเทพนิยายเรื่องใหม่ของรายการเอทีพีทัวร์ สาวน้อยชาวแคนาดาวัย 18 ปีผ่านเข้ารอบมาในฐานะมือไวลด์การ์ด ต้องลงเล่นตั้งแต่รอบ 128 คนและฝ่าฟันผ่านนักเทนนิสแรงค์กิ้งสูงกว่าคนแล้วคนเล่ามาได้ รวมถึงการพลิกเอาชนะเอลิน่า สวิโตลิน่า มือวางอันดับ 6 โลก 2-1 เซต แต่คู่แข่งที่ยืนรออยู่ในรอบชิงอย่างอันเจลิค แคร์เบอร์ มือวางอันดับ 8 ของโลกก็ทำให้ทุกคนเชื่อว่าเธอคงทำได้ดีสุดแค่เข้าชิงเท่านั้น ในเกมนัดชิงเบียงก้าสามารถขึ้นนำได้ก่อนอย่างเซอร์ไพรซ์ แต่แคร์เบอร์ก็ตามเอาคืนได้ รวมถึงในเซตสุดท้ายที่เบียงก้ามีอาการบาดเจ็บที่ขา ถึงอย่างนั้นเธอก็กัดฟันสู้กับนักเทนนิสหญิงที่ได้ชื่อว่าฟิตที่สุดคนหนึ่งของวงการปัจจุบันและเอาชนะไปได้อย่างพลิกล็อค เป็นผู้เล่นที่ไม่ได้เป็นมือวางคนที่

ข้อดีของเล่นเทนนิสกับการยืดชีวิตไป 10 ปี

การได้ออกกำลังกายช่วยให้มนุษย์เราร่างกายแข็งแรงขึ้น และนั่นก็ส่งผลโดยตรงต่ออายุของคนเรา หากว่าเราแข็งแรงดี มันก็มีโอกาสที่เราจะมีชีวิตยืนยาวได้ และในบรรดากิจกรรมทั้งหลายที่เป็นการออกกำลังกาย (ไม่ใช่เล่นแบบเล่นกีฬา) เทนนิสคือเบอร์หนึ่งในการยืดอายุให้ยาวนานขึ้นถึง 10 ปี ทำไมเทนนิสถึงเป็นการออกกำลังกายที่ยืดอายุผู้คนได้มากที่สุด? เรื่องนี้มีการทำวิจัยที่เดนมาร์กโดยปีเตอร์ สนอรห์ และเพื่อนร่วมวิทยาลัย พบว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการออกกำลังกายด้วยวิธีการอื่น เทนนิสสามารถยืดอายุผู้เล่นได้มากกว่า ส่วนที่ถูกเอามาเป็นเกณฑ์ในการวิจัยคือเรื่องการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจ โดยศึกษาลงไปที่กลุ่มผู้ร่วมทดสอบซึ่งมีอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไปในการออกกำลังกายด้วยการเล่นเทนนิส ว่ายน้ำ เล่นแบดมินตัน ปั่นจักรยาน วิ่งจ็อกกิ้ง เล่นเพาะกายหรือทำกิจกรรมสุขภาพของคลับพวกแอโรบิกหรือเต้นรำ ผลปรากฏว่าหลังจากเทียบผลจากรายงานของการศึกษาโรคหัวใจของประชากรในโคเปนเฮเก้น เมืองหลวงของเดนมาร์กกว่า 20,000 คน ซึ่งใช้ชีวิตและออกกำลังกายสม่ำเสมอตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ถึงปี 2017 พวกเขามีอายุเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ออกกำลังกายเลย ในผลการศึกษานั้น เทนนิสเป็นการออกกำลังกายที่ส่งผลต่อค่าเฉลี่ยอายุที่สูงขึ้น 9.7 ปี ตามด้วยแบดมินตัน 6.2 ปี ฟุตบอล 4.7 ปี การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำหรือเล่นเพาะกายช่วยยืดออกไปได้ในช่วง 3-4 ปีเท่านั้น ปีเตอร์ สนอรห์กล่าวว่าเขาค่อนข้างประหลาดใจกับผลที่ออกมา แต่มันก็สอดคล้องกับการศึกษาที่ทำโดยนักวิจัยชาวอังกฤษก่อนหน้านี้ซึ่งผลวิจัยสรุปว่า กลุ่มคนที่ออกกำลังกายด้วยการเล่นอุปกรณ์ที่ใช้ไม้แร็คเก็ตต่างๆ จะได้ประโยชน์ด้านสุขภาพมากกว่า โดยที่ตามมาคือการออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำหรือแอโรบิก ในการหาคำตอบว่าทำไมการเล่นเทนนิสหรือแบดมินตันจึงช่วยยืดอายุผู้เล่นได้มากกว่า

5 ของกินที่เป็นสัญลักษณ์ของวิมเบิลดัน

เทนนิสวิมเบิลดันถือเป็นรายการเก่าแก่และเต็มไปด้วยธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดต่อกันมานาน ในสายตาแฟนเทนนิสที่มองวิมเบิลดันเป็นหนึ่งความบันเทิงใจ พวกเขาพร้อมที่จะลงตารางเวลาเพื่อไปดื่มด่ำความสุขจากเกมการแข่งขันแต่ละปีอย่างไม่เสียดาย การเข้าชมเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของโลก นอกจากความบันเทิงจากการแข่งขัน เรื่องของกินก็ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งสิ่งที่แฟนเทนนิสไม่ควรพลาด และนี่คือ 5 ของกินที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเทนนิสวิมเบิลดันโดยแท้ 1. สตรอเบอร์รี่และครีม นี่คือเมนูคลาสสิคและเบสิคที่สุดที่จะต้องหาทานให้ได้เมื่อมาร่วมชมศึกเทนนิสวิมเบิลดัน ด้วยสตรอเบอร์รี่สดๆ ลูกโตๆ ที่เสิร์ฟพร้อมกับครีมสดเต็มถ้วย มันคือของกินง่ายๆ แต่อร่อยมากสำหรับช่วงเวลาที่วิมเบิลดัน 2. พิ้มม์คัพ (Pimm’s Cup) ถ้าจะมองหาเครื่องดื่มที่เป็นของคู่การแข่งขันล่ะก็ต้องยกให้เจ้านี่ ด้วยความที่เป็นเครื่องดื่มที่ถูกยกเป็นอันดับหนึ่งของช่วงซัมเมอร์ที่เกาะอังกฤษ มันจึงกลายเป็นเครื่องดื่มหลักอย่างไม่เป็นทางการของวิมเบิลดันไปเลย ส่วนผสมก็มาจากเหล้าที่ชื่อพิ้มพ์ผสมน้ำมะนาวหรือน้ำมะนาวโซดา แล้วเครื่องแต่งรสชาติที่มีใบมิ้นต์, สตรอเบอร์รี่สดฝาน, แตงกวาสไลด์และส้มสดสไลด์ มันถูกขายมากกว่า 80,000 แก้วทุกปีระหว่างช่วงแข่งขัน 3. แชมเปญ เป็นเครื่องดื่มที่ถูกสั่งมากที่สุดอีกหนึ่งอย่างในช่วงเวลาของวิมเบิลดัน โดยแต่ละปีมีการจำหน่ายไปมากกว่า 25,000 ขวด ซึ่งสำหรับชาวต่างชาติแล้ว การดื่มแชมเปญก็เพื่อความผ่อนคลายไม่ใช่เพื่อความเมามาย 4. ชายามบ่ายและแซนด์วิช การดื่มชายามบ่ายซึ่งเป็นช่วงเบรกของการแข่งขัน มันคือธรรมเนียมปฏิบัติของชาวอังกฤษมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งเมื่อวิมเบิลดันคือการแข่งขันสำคัญในเกาะอังกฤษ การดื่มชายามบ่ายก็กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของแฟนเทนนิสไปด้วย พวกเขาจะสั่งชาร้อนเสิร์ฟพร้อมแซนด์วิชหรือขนมปัง คุกกี้ครีมสด หรืออาจจะมีแชมเปญประกอบมาในเซตด้วยก็ได้ 5. ฟิชแอนด์ชิพ ปลาชุบแป้งทอดและมันฝรั่งทอดคือเมนูที่ถูกยกเป็นอาหารสามัญของชาวอังกฤษ ด้วยความที่มันทำง่ายและเหมาะที่จะทานร้อนๆ ท่ามกลางเวลาที่ค่อนข่างเร่งด่วนระหว่างรอชมเกมการแข่งขัน เมื่อถึงเทศกาลวิมเบิลดัน ฟิชแอนด์ชิพก็คืออาหารจากหลักเบอร์หนึ่งที่ทุกคนไม่พลาด

หลี่ นา ก้าวแรกของชาวเอเชียในบันทึกของฮอล ออฟ เฟรม

การได้รับบรรจุชื่อเข้าไปอยู่ในฮอล ออฟ เฟรมหรือหอเกียรติยศ ถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของนักเทนนิสทั่วโลก ซึ่งมีเฉพาะผู้ที่สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมในระหว่างการเล่นเทนนิสไว้เท่านั้นที่สามารถได้รับโอกาสนี้ และที่ผ่านมาไม่เคยมีนักเทนนิสเอเชียคนไหนเคยได้รับเกียรติยศนี้มาก่อน แต่วันที่ 20 กรกฎาคมนี้จะมีนักเทนนิสเอเชียคนแรกที่ได้รับเกียรติบรรจุชื่อไว้ในหอเกียรติยศ เธอคือหลี่ นา เจ้าของแชมป์แกรนด์ สแลมสองรายการคือเฟร้นช์ โอเพ่น ปี 2011 กับ ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น ปี 2014 เปรียบเสมือนผู้ปักธงเกมเทนนิสลงบนแผ่นดินประเทศจีน และเป็นนักเทนนิสหญิงชาวเอเชียที่ได้พิสูจน์ให้เห็นความเป็นนักสู้ทั้งร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วงในช่วงหลายปีที่เธอเข้าทำการแข่งขัน นักเทนนิสหญิงที่เคยก้าวขึ้นถึงมืออันดับ 2 ของโลกทั้งที่เผชิญปัญหาบาดเจ็บหลังและหัวเข่าอย่างรุนแรงตลอด ในฐานะนักเทนนิสหญิงชาวเอเชีย หลี่ นาคือความภาคภูมิใจของทุกคน แต่ช่วงเวลาที่เธอต้องขัดแย้งกับทางการจีนก็เป็นเหมือนรอยด่างในชีวิตที่กว่าจะเอาชนะได้ ปัจจุบันหลี่คือต้นแบบที่นักเทนนิสหญิงรุ่นใหม่ของจีนถือเป็นตัวอย่าง และเป็นเป้าหมายในการประสบความสำเร็จตาม “มันเป็นเกียรติที่น่าเหลือเชื่อมาก” หลี่ นาให้สัมภาษณ์ความรู้สึกครั้งแรกเมื่อได้รับข่าวว่าเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าหอเกียรติยศ ซึ่งจะมีพิธีฉลองให้ในช่วงเริ่มแข่งขันออสเตรเลี่ยนโอเพ่น 2019 กลางเดือนกรกฎาคม โดยมีอีกสองยอดนักเทนนิสที่ได้รับเกียรตินี้พร้อมกันคือแมรี่ เพียชและเยฟกินี่ คาเฟลนิคอฟ การได้รับรางวัลนี้ทำให้ทั้งสามคนจะได้มีชื่อรวมในกลุ่มนักเทนนิส 250 คนจาก 23 ชาติที่ได้รับมันไปก่อนหน้านี้ แต่หลี่ นาถือเป็นข่าวใหญ่และเป็นไฮไลท์ของงานอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเธอจะเป็นคนจีนและคนเอเชียคนแรกที่มีชื่อบรรจุอยู่ในนี้ “ฉันต้องการแค่เห็นการเติบโตของวงการเทนนิสในจีน แต่ก็ภูมิใจกับรางวัลที่ได้มากเช่นกัน” หลี่ นาซึ่งเอาชนะการแข่งขันนัดชิงที่โรล็องต์ การ์รอส วันนั้นหลี่ทำให้แฟนกีฬาชาวจีนถึง

เลือกยังไง? ให้ได้ไม้เทนนิสที่เหมาะสมเรากับที่สุด

เทนนิส เป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากแถวยุโรป แต่กลับไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนไทยกันสักเท่าไหร่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในเหตุผลสำคัญคือการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ดูยุ่งยากแถมยังต้องมาคอยดูแลรักษากันอีก เราเลยอยากจะมาแนะนำว่า หากอยากจะได้ไม้เทนนิสดี ๆ มีวิธีการดูอย่างไรและต้องคำนึงอะไรเป็นปัจจัยหลักกันบ้าง ดูจากน้ำหนักไม้ก่อน ว่ารับน้ำหนักได้แค่ไหน ? อย่างแรกที่คุณควรต้องมานั่งวิเคราะห์กันก่อนคือ น้ำหนัก เพราะถึงแม้หลาย ๆ คนอาจจะพอรู้มาว่าน้ำหนักไม้ที่ยิ่งมาก จะยิ่งช่วยทำให้เราสามารถรับความแรงจากบอลที่ตีมาของฝ่ายตรงข้ามได้ดียิ่งขึ้น แต่เดี๋ยวก่อน เพราะถ้าคุณเลือกไม้ที่มีน้ำหนักสูง ๆ แต่ดันถือไม่ไหวมันจะไม่มีประโยชน์อะไรกัน สิ่งสำคัญคือ การเลือกหาน้ำหนักไม้เทนนิสที่เหมาะสมกับแรงของเราต่างหาก ที่จะช่วยให้คุณสามารถรับบอลที่ฝ่ายตรงข้ามตีมาได้ง่ายขึ้น ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไปแล้วน้ำหนักของไม้เทนนิสจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 310 กรัมโดยประมาณและนั่นคือน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคุณผู้ชายทั้งหลาย แต่หากคุณเป็นผู้หญิงลองเลือกใช้ไม้ที่มีน้ำหนักสัก 270 ดูสิ แล้วจะพบว่าสามารถตีลูกได้สบายขึ้นเยอะ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการเล่นเทนนิสมาพอสมควรแล้ว ขอแนะนำให้ลองไปวัดน้ำหนักไม้ที่ร้านด้วยตัวเองเลยจะดีกว่า เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่ายิ่งคุณสามารถถือไม้ที่มีน้ำหนักได้มากเท่าไหร่ จะทำให้คุณตีโต้กับฝ่ายตรงข้ามได้มีอย่างประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และคุณยังใช้ประสบการณ์ตรงนี้เพื่อการวางเดิมพันกีฬาที่ VWIN ได้อีกด้วย ประสบการณ์ที่มากกว่า ก็เพิ่มโอกาสชนะเดิมพันได้มากกว่าเช่นกัน ขนาดหน้าไม้และความกว้างก็สำคัญไม่แพ้กัน อย่างที่สองที่คุณควรคำนึงถึงคือ ขนาด ที่จะมีส่วนช่วยอย่างมากในการสะท้อนลูกที่ถูกตีมา โดยสามารถแบ่งออกเป็น3 ระดับตามเกณฑ์มาตรฐาน ได้แก่ ขนาด Mid-sized ที่มีความกว้างประมาณ 90 ตารางนิ้ว ขนาด

โคโค่ กับปรากฏการณ์รายได้ของเด็กสาวอายุ 15 ในวงการเทนนิส

สำหรับนักเทนนิสระดับเยาวชนแล้ว ทุกคนต่างพยายามก้าวขึ้นมาเป็นนักเทนนิสอาชีพเพื่อสร้างรายได้จากเงินรางวัลและการเซ็นสัญญากับสปอนเซอร์ก้อนโต แต่สำหรับนักเทนนิสสาวอายุแค่ 15 ปีอย่างโคริ โกฟฟ์ รายได้ของเธออาจจะเป็นบรรทัดฐานใหม่ของนักเทนนิสรุ่นเยาว์ โคริ โกฟฟ์หรือ โคโค่ นักเทนนิสดาวรุ่งของสหรัฐเกิดที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจียในปี 2004 เริ่มจับแร็กเก็ตตอนอายุ 7 ขวบและเลือกย้ายจากแอตแลนตามาเข้าฝึกฝนในอะคาเดมี่ชั้นนำด้านเทนนิสที่ฟลอริดา และเริ่มลงแข่งขันในรายการระดับจูเนียร์ตอนอายุ 8 ขวบ จังหวะก้าวบนเวทีเทนนิสระดับจูเนียร์ของโคโค่เร็วเหมือนติดจรวด ในตอนที่อายุ 12 ปี โคริ โกฟฟ์คว้าแชมป์จูเนียร์ ออเร้นจ์ โบลว์ครั้งแรกได้ด้วยชัยชนะเจ็ดรอบรวดแบบไม่เสียเซต หากมองย้อนกลับไป รายการนี้ถือเป็นรายการแจ้งเกิดของเหล่านักเทนนิสหญิงคนดัง อาทิ สเตฟี่ กราฟ(1981) โมนิก้า เซเลส(1985) และเจนนิเฟอร์ คาปริอาตี้(1986) ที่ต่างได้แชมป์ที่นี่ตอนอายุ 12 ปีทั้งนั้น ซึ่งต่อมาทั้งหมดคว้าแชมป์แกรนด์ สแลมรวมกันถึง 34 รายการ โคริ โกฟฟ์สร้างชื่อบนถนนสายเทนนิสระดับเยาวชน ด้วยการเป็นผู้เล่นชาวอเมริกันที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เข้าชิงรายการจูเนียร์ ยูเอสโอเพ่น 2017 ด้วยวัยเพียง 13 ปี แม้จะพลาดแชมป์แต่นั่นก็ทำให้เธอถูกกล่าวขานถึงอย่างมาก ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ในรายการจูเนียร์ เฟร้นช์ โอเพ่น