ลูกเทนนิสถูกผลิตขึ้นครั้งแรก ๆ ตั้งแต่ช่วง 1870s เพื่อใช้เป็นเกมเล่นในวังของพวกผู้ดีและชาวสังคมชั้นสูง ซึ่งตั้งแต่เดิมการเล่นเทนนิสก็ไม่แตกต่างจากปัจจุบันที่มีเล่นทั้ง 2 คนและ 4 คน แต่สิ่งที่เป็นเรียล เทนนิส บอลคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดในบรรดาองค์ประกอบของเทนนิสทั้งหมด

ในช่วงทศวรรษ 1850s ชาร์ลส์ กู๊ดเยียร์ นักประดิษฐ์ชาวเยอรมันได้ค้นพบกระบวนการหลอมเหลวน้ำยางจากอินเดียเป็นรูปกลมและอัดอากาศไว้ภายใน ตอนนั้นคงไม่มีใครคิดว่ามันจะกลายมาเป็นลูกเทนนิสเพราะมันเป็นเพียงลูกบอลยางกลมโล้น ๆ น้ำหนักเบาสีเทาหรือแดง ซึ่งต่อมาในปี 1870s วอลเตอร์ คล็อปตั้น วิงก์ฟิลด์กับเฮนรี่ เจมส์เป็นคนเอาเทคโนโลยีนี้เข้ามาอังกฤษ พวกเขาตั้งใจจะเอามาใช้สำหรับเล่นโครเก้ต์เท่านั้นเอง แต่มันก็ถูกเอามาตีเล่นสำหรับเทนนิสด้วย

ในเวลาต่อมาก็ได้จอห์น เมเยอร์ ฮีทโค้ตที่แนะนำว่าน่าจะหาอะไรห่อมันซักหน่อย อาจจะผ้าแฟลนเนล ซึ่งวิงก์ฟิลด์ก็รับเอาแนวคิดนี้และทำมันออกมาเป็นผลสำเร็จในปี 1882 โดยมันถูกผลิตขึ้นที่ Melton Mowbray

หลังผ่านการคิดค้นหาสารพัดของที่จะเอามาหุ้มยางที่เป็นแกนข้างในซึ่งบรรจุก๊าซเอาไว้ ในที่สุดรูปทรงพื้นฐานของลูกเทนนิสก็ถูกดีไซน์ออกมาในฟอร์มของใบโครฟเวอร์ 3 กลีบ จากนั้นใช้เครื่องมือประกอบมันขึ้นเป็นรูปทรงกลม ประสานรอยต่อด้วยน้ำยาเคมีและความร้อนกลายเป็นตะเข็บยาง พร้อมทั้งอัดอากาศไว้ข้างใน  และมันมีสีขาวทั้งลูก ทว่ามันจะเสียคุณสมบัติในการกระเด้งกระดอนทันทีที่มันมีรอยเปิดฉีก

ลูกเทนนิสมีการพัฒนามาเรื่อย ๆ มันถูกทำให้เริ่มมีสีสันด้วยการใช้ผ้าสีแดงและเหลืองในการห่อหุ้ม พร้อมกำหนดมาตรฐานสำหรับการเล่นโดยยึดเรื่องของความเร็วเป็นหลัก

หลังผ่านมาเกือบ 100 ปี สมาพันธ์เทนนิสโลกหรือ ITF ได้กำหนดสีและขนาดของลูกเทนนิสขึ้นมาในปี 1972 โดยระบุว่ามันจะต้องมีสีเหลืองสะท้อนแสงและเส้นรอยต่อยางสีขาว โดยเกิดจากการทำวิจัยว่ามันมองเห็นได้ชัดเวลาถ่ายทอดทางทีวี

ช่วงแห่งการพัฒนาของลูกเทนนิสได้ทำให้มันมีความหลากหลายขึ้น โดยแยกย่อยเป็น 2 ชนิดคือกลุ่มบอลไร้แรงดันซึ่งทนทานกว่ากับกลุ่มที่อัดอากาศไว้ซึ่งจะเล่นอีกไม่ได้ถ้ามีรอยฉีกหรือเปิดของลูกบอล พร้อมกันนี้ก็แยกไปตามชนิดสนามที่ใช้แข่งแยกเป็นสนามดิน หญ้าและคอนกรีตซึ่งทำให้พวกมันมีความยืดหยุ่นและแข็งแกร่งต่างกันไป

ว่ากันว่าหลังจากปี 2000 เป็นต้นมา ลูกเทนนิสจากกว่า 200 ยี่ห้อถูกผลิตออกมามากกว่าปีละ 325 ล้านลูก มีเศษน้ำยางมากกว่า 20,000 ตันถูกทิ้งในแต่ละปี ซึ่งมีการพิจารณาถึงเรื่องขยะเหลือทิ้งนี้อยู่บ้างแต่ก็ไม่สามารถหาทางออกได้ จนกระทั่งในปี 2015 มีบริษัท 3 แห่งได้ร่วมกันค้นหาวิธีรีไซเคิลเศษยางจากลูกเทนนิส โดยสามารถเอามันไปผสมเป็นเนื้อของการสร้างยางสังเคราะห์สำหรับทำพื้นผิวสนามแข่งขันเทนนิส

นับจากครั้งแรกที่เกมกีฬาเทนนิสถูกคิดค้นขึ้น ลูกเทนนิสก็พัฒนาตามมาเป็นลำดับ จากวัตถุทำจากยางหุ้มด้วยวัสดุอื่น ทำขึ้นด้วยมือคน มันกลายเป็นกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่ผลิตโดยเครื่องจักรกล สร้างลูกบอลที่มีมาตรฐานปีละหลายร้อยล้านลูกเพื่อรองรับความต้องการในการแข่งขันซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในทุกปี