การที่เทนนิสเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และสามารถพัฒนาเป็นอาชีพได้ ทำให้นักกีฬาเทนนิสจำนวนมากฝันว่าจะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ชนะการแข่งขัน ชนะเลิศรายการสำคัญ ๆ สร้างให้พวกเขามีชื่อเสียงและมีรายได้มหาศาล แต่เวทีของการแข่งขันเทนนิสไม่ได้มีพื้นที่ให้ทุกคนลงแข่งขัน มันจึงมีระดับชั้นของเกมที่แตกต่างไป

ในวงการเทนนิสอาชีพจะมีการแข่งขันที่แบ่งเป็น 3 กลุ่มจากการจัดการแข่งขัน ประกอบด้วยรายการของสมาพันธ์เทนนิสนานาชาติหรือ ITF, รายการของสมาคมนักเทนนิสอาชีพฝ่ายชายหรือ ATP และรายการของสมาคมนักเทนนิสอาชีพฝ่ายหญิงหรือ WTA

ไอทีเอฟรับผิดชอบจัดการแข่งขันรายการใหญ่ที่สุดทั้ง 4 แกรนด์ สแลมคือออสเตรเลี่ยน โอเพ่น, เฟร้นช์ โอเพ่น, วิมเบิลดันและยูเอส โอเพ่น (ในการแข่งขันแกรนด์ สแลมนั้นมีคะแนนสะสมให้ผู้ชนะเลิศถึง 2000 คะแนนเลยทีเดียว) พร้อมกันนั้นก็จัดการแข่งขันประเภททีมที่มีทั้งทีมชาย (เดวิด คัพ) ทีมหญิง (เฟด คัพ) ทีมผสม (ฮอปแมน คัพ) และทีมรวมยุโรปพบรวมดาราโลก (เลเวอร์ คัพ) นอกจากนี้ก็จัดรายการเยาวชนที่เป็นอีเว้นต์เกรด A ในหลายประเทศทั้งที่อเมริกา, ญี่ปุ่น, บราซิล, ฝรั่งเศส เป็นต้น

ถัดจากรายการของไอทีเอฟ เป็นการแข่งขันในทัวร์นาเม้นต์ทั้งชายและหญิงของ ATP และ WTA รายการใหญ่สุดของพวกเขาทั้งคู่คือศึก World Tour Final ที่เอานักเทนนิสชายและหญิงในแร้งค์กิ้ง 1-8 มาแข่งขันส่งท้ายฤดูกาล ซึ่งตลอดเส้นทางก่อนถึงรายการนี้ก็จะมีรายการแข่งขันเพื่อให้นักกีฬาได้สะสมคะแนนกันมาเรื่อย ๆ โดยที่จะมีความแตกต่างกันบ้างดังนี้

ในรายการฝ่ายชายของ ATP พวกเขามีรายการซีรี่ย์ 1000 จำนวน 9 รายการ ตัวเลข 1000 หมายถึงแต้มที่ผู้ชนะเลิศในการแข่งขันจะได้รับเพื่อใช้ในการสะสมทำอันดับโลก เช่นเดียวกันกับซีรี่ย์ 500 และซีรี่ย์ 250 ขณะที่ในฝ่ายหญิงนั้น WTA ก็จัดการแข่งขันออกเป็น 4 ระดับคือ Premier Mandatory 4 รายการ (ชนะเลิศได้ 1000 คะแนน) Premier 5 ซึ่งมี 5 สนามแข่ง (ชนะเลิศได้ 900 คะแนน) Premier (ชนะเลิศได้ 470 คะแนน) และรายการที่เป็น International Tournament (ชนะเลิศได้ 280 คะแนน) ซึ่งก็คือรายการที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในเดือนมกราคมปี 2019 ที่หัวหินนี่เอง

และรายการที่อยู่ระดับรองลงมาเรียกกันว่ารายการระดับชาลเลนเจอร์ (Challenger) ซึ่งกระจายการแข่งขันออกไปทั่วโลกเพื่อให้นักกีฬาอันดับล่าง ๆ หรือนักกีฬาหน้าใหม่ได้ลงแข่งขันเก็บคะแนนสะสม ของรายการเหล่านี้สำหรับผู้ชนะเลิศมีตั้งแต่ 80 คะแนนถึง 125 คะแนน โดยหากใครที่ลงทะเบียนเล่นในระดับชาลเลนเจอร์และจบอันดับ 1-7 ของแต่ละปีจะได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบไฟนอลของชาลเลนเจอร์ที่มีคะแนนสะสมเพิ่มด้วย

ส่วนรายการที่อยู่ระดับล่างสุดของวงการเทนนิสเรียกกันว่ารายการระดับ Future Tournament ซึ่งผู้ชนะเลิศจะได้รับคะแนนสะสม 18, 27 หรือ 35 คะแนนตามระดับของรายการ แน่นอนว่าที่ระดับนี้เป็นเวทีของเหล่านักกีฬาเยาวชนและนักกีฬาหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเส้นทางของการเป็นนักกีฬาเทนนิสอาชีพ

จะเห็นว่ากว่าที่จะก้าวผ่านแต่ละระดับของวงการเทนนิสไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นในแต่ละระดับเมื่อผู้แข่งขันลงสนามก็จะรู้ตัวเองว่าหากประสบความสำเร็จจะก้าวขึ้นไปถึงจุดไหน โดยคะแนนสะสมจะเป็นเครื่องยกระดับพวกเขาเหล่านั้นให้ไต่บันไดสูงขึ้นไปจนกว่าจะถึงยอด